ซอฟต์แวร์
(Software)
ซอฟต์แวร์ คือ
การลำดับขั้นตอนการทำงานของคำสั่งที่จะทำหน้าที่สั่งคอมพิวเตอร์ว่าให้ทำอะไร
เป็นชุดของโปรแกรมหลายๆโปรแกรมนำมารวมกันให้สามารถทำงานได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ตามที่ต้องการ
เรามองไม่เห็นหรือสัมผัสไม่ได้แต่เราสามารถสร้าง จัดเก็บ และนำมาใช้งานหรือเผยแพร่ได้ด้วยสื่อหลายชนิดเช่น
แผ่นบันทึก แผ่นซีดี แฟล็ชไดร์ฟ ฮาร์ดดิสก์ เป็นต้น
หน้าที่ของซอฟต์แวร์
ซอฟต์แวร์ทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมระหว่างผู้ใช้คอมพิวเตอร์และเครื่องคอมพิวเตอร์
ถ้าไม่มีซอฟต์แวร์ เราก็ไม่สามารถใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำอะไรได้เลย
ซอฟต์แวร์สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์สามารถแบ่งออกได้เป็นหลายประเภท
ซอฟต์แวร์แบ่งเป็น 3
ประเภทใหญ่ ๆ คือ
ซอฟต์แวร์ระบบ (System Software)
ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application Software)
ซอฟต์แวร์ใช้งานเฉพาะ
1. ซอฟต์แวร์ระบบ (System Software) เป็นโปรแกรมที่บริษัทผู้ผลิตสร้างขึ้นมาเพื่อใช้จัดการกับระบบ
หน้าที่การทำงานของซอฟต์แวร์ระบบ คือ ดำเนินงานพื้นฐานต่างๆของระบบคอมพิวเตอร์
เช่น รับข้อมูลจากแผนแป้นอักขระแล้วแปลความหมายให้คอมพิวเตอร์เข้าใจ
นำข้อมูลไปแสดงผลบนจอภาพหรือนำออกไปยังเครื่องพิมพ์ จัดการข้อมูลในระบบแฟ้มข้อมูลบนหน่วยความจำรอง
System Software หรือโปรแกรมระบบที่รู้จักกันดีก็คือ DOS,
Windows, Unix, Linux รวมทั้งโปรแกรมแปลคำสั่งที่เขียนในภาษาระดับสูง
เช่น ภาษา Basic, Fortran, Pascal, Cobol, C เป็นต้น
นอกจากนี้โปรแกรมที่ใช้ในการตรวจสอบระบบ เช่น Norton’s
Utilities ก็นับเป็นโปรแกรมสำหรับระบบด้วยเช่นกัน
1)ใช้ในการจัดการหน่วยรับเข้าและหน่วยส่งออก เช่น
รับรู้การกดแป้นต่าง ๆ บนแผงแป้นอักขระ
ส่งรหัสตัวอักษรออกทางจอภาพหรือเครื่องพิมพ์ ติดต่อกับอุปกรณ์รับเข้าและส่งออกอื่น
ๆ เช่น เมาส์ ลำโพง เป็นต้น
2)ใช้ในการจัดการหน่วยความจำ
เพื่อนำข้อมูลจากแผ่นบันทึกมาบรรจุยังหน่วยความจำหลัก หรือในทำนองกลับกัน
คือนำข้อมูลจากหน่วยความจำหลักมาเก็บไว้ในแผ่นบันทึก
3)ใช้เป็นตัวเชื่อมต่อระหว่างผู้ใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์
เพื่อให้สามารถใช้งานได้ง่ายขึ้น เช่นการขอดูรายการในสาระบบ (directory) ในแผ่นบันทึก
การทำสำเนาแฟ้มข้อมูล ซอฟต์แวร์ระบบพื้นฐานที่เห็นกันทั่วไป
แบ่งออกเป็นระบบปฏิบัติการ และ ตัวแปลภาษา
ประเภทของซอฟต์แวร์ระบบ
ซอฟต์แวร์ระบบ แบ่งเป็น 2
ประเภทคือ
- ระบบปฏิบัติการ
(Operating System : OS)
- ตัวแปลภาษา
1.ระบบปฏิบัติการ หรือที่เรียกย่อๆ ว่า โอเอส (Operating
System : OS) เป็น ซอฟต์แวร์ใช้ในการดูแลระบบคอมพิวเตอร์
เครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องจะต้องมีซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการนี้
ระบบปฏิบัติการที่นิยมใช้กันมากและเป็นที่รู้จักกันดีเช่น ดอส วินโดวส์ ยูนิกส์
ลีนุกซ์ และแมคอินทอช เป็นต้น
- ดอส (Disk Operating System :
DOS) เป็นซอฟต์แวร์จัดระบบงานที่พัฒนามานานแล้ว
การใช้งานจึงใช้คำสั่งเป็นตัวอักษร ดอสเป็นซอฟต์แวร์ที่รู้จักกันดีในหมู่ผู้ใช้ไมโครคอมพิวเตอร์ในอดีตปัจจุบันระบบปฏิบัติการดอสนั้นมีการใช้งานน้อยมาก
- วินโดวส์ (Windows) เป็นระบบปฏิบัติการที่พัฒนาต่อจากดอส
โดยให้ผู้ใช้สามารถสั่งงานได้จากเมาส์มากขึ้นแทนการใช้แผงอักขระเพียงอย่างเดียว
นอกจากนี้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ยังสามารถทำงานหลายงานพร้อมกันได้
โดยงานแต่ละงานจะอยู่ในกรอบช้องหน้าต่างบนจอภาพ การใช้เน้นรูปแบบกราฟิก
ผู้ใช้งานสามารถใช้เมาส์เลื่อนตัวชี้เพื่อเลือกตำแหน่งที่ปรากฏบนจอภาพ
ทำให้ใช้งานคอมพิวเตอร์ได้ง่ายระบบปฏิบัติการวินโดวส์จึงได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน
- ยูนิกซ์ (unix) เป็นระบบปฏิบัติการพัฒนามาตั้งแต่ครั้งใช้กับเครื่องมินิคอมพิวเตอร์
ระบบปฏิบัติการยูนิกซ์เป็นระบบปฏิบัติการที่เป็นเทคโนโลยีแบบเปิด (open
system) ซึ่งเป็นแนวคิดที่ผู้ใช้ไม่ต้องผูกติดกับระบบใดระบบหนึ่งหรือใช้อุปกรณ์ที่มียี่ห้อเดียวกัน
ยูนิกซ์ยังถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองการใช้ในลักษณะที่มีผู้ใช้ได้หลายคนในเวลาเดียวกันที่เรียกว่า
ระบบหลายผู้ใช้ (multiusers) และสามารถทำงานได้หลายๆ
งานในเวลาเดียวกันในลักษณะที่เรียกว่า ระบบหลายภารกิจ (multitasking) ระบบปฏิบัติการยูนิกส์จึงนิยมใช้กับเครื่องที่เชื่อมโยงเป็นเครือข่าย
เพื่อใช้งานร่วมกันหลายๆ เครื่องพร้อมกัน
- ลีนุกซ์
(Linux) เป็นระบบปฏิบัติการที่พัฒนามาจากระบบยูนิกซ์
เป็นระบบซึ่งมีการแจกจ่ายโปรแกรมต้นฉบับให้นักพัฒนาช่วยกันพัฒนาคุณสมบัติของระบบปฏิบัติการ
ระบบปฏิบัติการลีนุกซ์เป็นที่นิยมกันมากขึ้นในปัจจุบัน
เนื่องจากมีโปรแกรมประยุกต์ต่างๆ ที่ทำงานบนระบบลีนุกซ์จำนวนมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งโปรแกรมในกลุ่มของกูส์นิว (GNU) และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือระบบลีนุกซ์เป็นระบบปฏิบัติการประเภทแจกฟรี
(Free Ware) ผู้ใช้สามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
ระบบลีนุกซ์ สามารถทำงานได้บนซีพียูหลายตระกูล
เช่น อินเทล (PC Intel) ดิจิตอล (Digital Alpha Computer) และซันสปาร์ค
ถึงแม้ว่าในขณะนี้ลีนุกซ์ยังไม่สามารถแทนที่ระบบปฏิบัติการวินโดวส์บนพีซีได้ทั้งหมดก็ตาม
แต่ผู้ใช้จำนวนมากได้หันมาใช้และช่วยพัฒนาโปรแกรมประยุกต์บนลีนุกซ์กันมากขึ้น
- แมคอินทอช (Macintosh) เป็นระบบปฏิบัติการสำหรับเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์
แมคอินทอช ส่วนมากนำไปใช้งานด้านกราฟิก ออกแบบและจัดแต่งเอกสาร
นิยมใช้ในสำนักพิมพ์ต่างๆ
นอกจากระบบปฏิบัติการที่กล่าวมาแล้วยังมีระบบปฏิบัติการอีกมาก
เช่นระบบปฏิบัติการที่ใช้เครือข่ายคอมพิวเตอร์
เพื่อให้คอมพิวเตอร์ทำงานร่วมกันเป็นระบบ เช่น ระบบปฏิบัติการเน็ตแวร์
นอกจากนี้ยังมีระบบปฏิบัติการที่ใช้งานเฉพาะกับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่สร้างขึ้นมาเพื่องานใดงานหนึ่งโดยเฉพาะซึ่งส่วนใหญ่จะใช้ในห้อปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ในสถาบันการศึกษา
ชนิดของระบบปฏิบัติการ
จำแนกตามการใช้งานสามารถจำแนกออกได้เป็น 3 ชนิดด้วยกันคือ
1. ประเภทใช้งานเดียว
(Single - tasking) ระบบปฏิบัติการประเภทนี้จะกำหนดให้คอมพิวเตอร์ใช้งานได้ครั้งละหนึ่งงานเท่านั้น
ใช้ในเครื่องขนาดเล็กอย่างไมโครคอมพิวเตอร์ เช่น ระบบปฏิบัติการดอส เป็นต้น
2. ประเภทหลายงาน
(Multi - tasking) ระบบปฏิบัติการประเภทนี้สามารถควบคุมการทำงานพร้อมกันหลายงานในขณะเดียวกัน
ผู้ใช้สามารถทำงานกับซอฟต์แวร์ประยุกต์ได้หลายชนิดในเวลาเดียวกัน เช่น
ระบบปฏิบัติการ Windows 98 ขึ้นไป และ UNIX เป็นต้น
3. ประเภทใช้งานหลายคน
(Multi - user) ในหน่วยงานบางแห่งอาจใช้คอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ทำหน้าที่ประมวลผล
ทำให้ในขณะใดขณะหนึ่งมีผู้ใช้คอมพิวเตอร์พร้อมกันหลายคน
แต่ละคนจะมีสถานีงานของตนเองเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์
จึงต้องใช้ระบบปฏิบัติการที่มีความสามารถสูง
เพื่อให้ผู้ใช้ทุกคนสามารถทำงานเสร็จในเวลา เช่น ระบบปฏิบัติการ Windows NT
และ UNIX เป็นต้น
2. ตัวแปลภาษา
การพัฒนาซอฟแวร์ต้องอาศัยซอฟแวร์ที่ใช้ในการแปลภาษาระดับสูงเพื่อแปลภาษาระดับสูงให้เป็นภาษาเครือง
ภาษาระดับสูงมีหลายภาษาซึ่งสร้างขึ่งเพื่อให้ผู้เขียนโปรแกรมชุดคำสังได้ง่าย เข้าใจได้
และเพื่อให้สามารถปรับปรุงแก้ไขซอฟแวร์ในภายหลังได้
ซึ่งภาษาระดับสูงได้แก่ ภาษาBasic Pascal C และภาษาโลโก เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีภาษาคอบพิวเตอร์ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันอีกมากได้แก้ Forrtran Cobol และภาษาร์อาพีจี
2.2 ซอฟแวร์ประยุกต์
Application Software
ซอฟแวร์ที่ใช้งานรวมกับคอมพิวเตอร์
เพื่อใช้ทำงานเฉราะด้าน เช้น การจัดพิมพ์รายงาน การนำเสนองาน
การจัดทำบัญชี การตกแต่งภาพ หรือการออกแบบเว็บไซต้ เป็นต้น
ประเภทของซอฟแวร์ประยุกต์
แบ่งตามลักษณะการผลิต จำแนกได้เป็น 2 ประเภท
คือ
1 ซอฟแวร์ที่พัฒนาขึนใช้เองโดยเฉราะ
Propietary Sofware
2 ซอฟแวร์ที่หาซื่อได้ทั่วไป Pacfaged Software
มีทั้งโปรแกรมเฉราะ Customized package และโปรแกรมมาตรฐาน Standard package
ประเภทของซอฟแวร์ปรัยุกต์
แบ่งตามกลุ่มใช้งาน จำแนกได้เป็น
3 กลุ่มใหญ่ๆ
ดั่งนี้
1. กลุ่มการใช้งานทางธุรกิจ
Business
2. กลุ่มการใช้งานด้านกราฟิกและมัลติมีเดียว Graphic and Multimedia
3. กลุ่มการใช้งานเว็บ Wed
and communicatiosn
กลุ่มการใช้งานทางด้านธุรกิจ Business
ซอฟแวแวร์กลุ่มนี้
ถูกนำมาใช้โดยมุ่งหวังให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึง เช่น การจักพิมพ์รายงานเอกสาร นำเสนอและการบันทึกนัดหมายต่างๆ ตัวอยางเช่น
โปรปกรมประมวลคำ อาทิ MICROSOFT WORRD SUN StarOffce Writer
โปรแกรม
ตารางคำนวน อาทิ MICROSOFT
Excel SUN StarOffce Cals
โปรแกรมนำเสนองาน อาทิ Microsoft PowerOoint Sun StarOffice Impress
กลุ่มการใช้งานทางด้านกราฟิกและมัลติมีเดีย
ซอฟแวกลุ่มนี้ถูกพัฒนาขึ่งเพื่อช่วยการด้านงานกราฟิกและมัลติมีเดีย เพื่อให้งานง่ายขึ่น เช่นใช้ในการ ตกแต้ง
วาดรูป ปรับเสียง ตักต่อ
ภาพเคลื่อนไหว
และการสร้างและการออกแบบเว็ปไซต์
ตัวอยางเช่น
โปรแกรมงานออกแบบ อาทิ Microsft Professional
โปรแกรมตกแต่แต่งภาพ อาทิ coreldraw
adode photshop
โปรแกรมตัดต่อวิดิโอและเสียง อาทิ adoe
premirer pinnacle studio dv
โปรแกรมสร้างสื่อมัลติมีเดีย อาทิ adobe
authorwarer toolbook instructor adobe directtor
โปรแกรมสร้างเว็บ อาทิ adobe
flash adobe dreamweaver
กลุ่มการใช้งานบนเว็บและการติดต่อสื่อสาร
เมื่อเกิดการเติบโตของเครือข่ายอินเตอร์เน็ตซอฟแวร์กล่มนี้ได้ภูกพัฒนาขึ่งเพื่อใช้งานเฉราะเพิ่มมากขึ่น
เช่น โปรแกรมการตรวจเช็กอีเมลการท่องเว็บไซต์
การจัดการดูแลเว็บ และการส่งข้อความติดต่อสื่อสาร การประชุมทางไกลผ่านเครือข่าย ตัวอยางโปรแกรมในกลุ่มนี้ได้แก้
โปรแกรมจดการอีเมล อาทิ Microroft
Outlook Mozzila hunderdird
โปรแกรมท่องเว็บ อาทิ Microroft
internet explcrer moxxila fireox
โปรแกรม
ประชุมทางไกล video
conference อาทิ Microroft netmeeting
โปรแกรมส่งข้อความด่วน intant messaging
อาทิ sms messenger window messenger icq
โปรแกรมสนทนาบนอินเตอร์เน็ต อาทิ pirch
mirch
ความจำของการใช้ซอฟแวร์
การใช้ภาษาเครื่องนี้ถึงแม้ว่าคอมพิวเตอร์จะเข้าใจได้ทันที
แต่มนุษย์ผู้ใช้จะมีข้อยุ่งยากมากเพราะเข้าใจและจดจำได้ยาก
จึงมีผู้สร้างภาษาคอมพิวเตอร์ในรูปแบบที่เป็นตัวอักษร เป็นประโยคข้อความ
ภาษาในลักษณะดังกล่าวนี้เรียกว่าภาษาคอมพิวเตอร์ระดับสูง ภาษาระดับสูงมีอยู่มากมายบางภาษามีความเหมาะสมกับการใช้สั่งงานการคำนวณทางคณิตศาสตร์
และวิทยาศาสตร์บางภาษามีความเหมาะสมไว้ใช้สั่งานทางด้านการจัดข้อมูล
สิ้นสุดการสนทนา
ซอฟแวร์และภาษาคอมพิวเตอร์
เมื่อมนุษย์ต้องการใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการทำงานมนูษย์จะต้องบอกขั้นตอนวิธีการให้คอมพิวเตอร์ทราบการบอกสิ่งที่มนูษย์เข้าใจให้คอมพิวเตอร์รับรู้ และทำงานได้อย่างถูกต้อง จำเป็นต้องมีสื่อกลาง ถ้าเปรียบเทียบกับชีวิตประจำวันเเล้ว เรามีภาษาที่ใช้ในการติดตอวึ่งกันและกัน
เช่นเดียวกันถ้ามนษย์ต้องการจะถ่ายทอดความต้องการให้คอมพิวเตอร์รับรู้แปฏิบัติตามจะต้องมีสื่อกลางสำหลับการติดต่อเพื่อให้คอมพิวเตอร์รับรู้เราเรียกสื่อกลางว่า
ภาษาคอมพิวเตอร์
ภาษาคอมพิวเตอร์ในแต่ละยุคประกอบด้วย
ภาษาเครื่อง (Machine Languages)
เนื่องจากคอมพิวเตอร์ทำงานด้วยสัญญาณทางไฟฟ้าใช้แทนด้วยตัวเลข0 และ
1 ได้ผู้ออกแบบคอมพิวเตอร์ใช้ตัวเลข 0
และ 1 นี่เป็นรหัสแทนคำสั่งในการสั่งงานคอมพิวเตอร์
รหัสแทนข้อมูลและคำสั่งโดยใช้ระบบเลขฐาน สองนี้ คอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจได้
เราเรียกเลขฐานสองที่ประกอบกันเป็นชุดคำสั่งและใช้สั่งงานคอมพิวเตอร์ว่าภาษาเครื่อง
การใช้ภาษาเครื่องนี้ถึงแม้คอมพิวเตอร์จะเข้าใจได้ทันทีแต่มนุษย์ผู้ใช้จะมีข้อยุ่งยากมากเพราะเข้าใจและจดจำได้ยาก
จึงมีผู้สร้างภาษาคอมพิวเตอร์ในรูปแบบอื่นเป็นตัวอักษร
ภาษาแอสเซมบาลี(assembly languages)
เป็นภาษาคอมพิวเตอร์ในยุคที่สองถัดจากภาษาเครื่อง
ภาษาแอสเซมบาลีช่วยลดความยุ่งยากลงในการเขียนโปรแกรมเพื่อติดต่อกับคอมพิวเตอร์
แต่อย่างไรก็ตามภาษาแอสเซมบาลีก็ยังมีความใกล้เคียงภาษาเครื่องอยู่มาก
และจำเป็นต้องใช้ตัวแปลภาษาที่เรียกว่าแอสเซมเบลอร์ assembler เพื่อแปลชุดภาษาแอสเซมบาลีให้เป็นภาษาเครื่อง
ภาษาระดับสูง HIGH- LEVEL LANGUAGES
เป็นภาษาคอมพิวเตอร์ในยุคที่ 3
เริ่มมีการใช้ชุดคำสั่งที่เรียกว่า Statements ที่มีลักษณะเป็นประโยคภาษาอังกฤษ
ทำให้ผู้เขียนโปรแกรมสามารถเข้าใจชุดคำสั่งเพื่อสั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงานง่ายขึ้นเนื่องจากภาระดับสูงใกล้เคียงภาษามนุษย์
ตัวแปลภาษาระดับสูงเพื่อให้เป็นภาเครื่องนั้นมีอยู่ 2
ชนิดด้วยกัน คือ
คอมไพเลอร์ compiler และอินเทอร์พรีเตอร์
Interpreter
เครือข่ายคอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษา
การทำงานของระับบ Network และ
Internet
โครงสร้างของเครือข่ายคอมพิวเตอร์
1.เครื่อข่ายเฉพาะที่ (Local Area Network
: LAN)
เป็นเครือข่ายที่มักพบเห็นกันในองค์กรโดยส่วนใหญ่ลักษณะของการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เป็นวง
LAN จะอยู่ในพื้นที่ใกล้ ๆ กัน เช่น อยู่ภายในอาคาร
หรือ หน่วยงานเดียวกัน
2.เครือข่ายเมือง (Metropolitan Area
Network : MAN)
เป็นกลุ่มของเครือข่าย LAN ที่นำมาเชื่อมต่อกันเป็นวงที่ใหญ่ขึ้น
ภายในบริเวณพื้นที่ใกล้เคียง เช่น ในเมืองเดียวกัน เป็นต้น
3.เครือข่ายบริเวณกว้าง (Wide Area
Network : WAN)
เป็นเครือข่ายที่ใหญ่ขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น